 |
| พระพิมพ์นี้ท่านน่าจะทำถวายร.๔ (ในความคิดของผู้เขียน) เพราะรัชกาลที่๔ท่านมีนามเดิมว่า "สมเด็จเจ้าฟ้ามงกุฏ" ส่วนเนื้อพระเป็นพระยุคกลางคือแก่ข้าวสุกและใช้น้ำอ้อยเคี่ยวเป็นตัวประสาน ฝีมือช่างหลวงแกะพิมพ์ พระได้ลงชาดและปิดเงินเปลว การลงชาดแดงจะทำถวายเฉพาะในวังหรือเชื้อพระวงศ์เท่านั้น ด้านหลังองค์พระมีรอยจารด้วยมือ พระเหล่านี้จะพบเห็นได้ยากมากเป็นของดีมีคุณค่าที่ถูกลืม อย่างน่าเสียดาย |
 |
| พระสมเด็จพิมพ์พิเศษองค์นี้เป็นฝีมือช่างหลวง แกะแม่พิมพ์ปราณีตวิจิตร องค์ค่อนข้างเขื่องเนื้อละเอียดแกร่งสวยงามมาก |
 |
| พระสมเด็จพิมพ์รูปเจดีย์องค์นี้ เป็นพระยุคต้นหหรือยุคกลางตอนต้น พระยุคนี้จะเป็นพระเนื้อแก่ข้าวสุก พระองค์นี้เป็นเนื้อข้าวสุกที่ไม่ได้ตากแดดคือนำเอาข้าวสุกมาตำเลย ส่วนเนื้อข้าวสุกอีกแบบท่านจะเอาข้าวสุกไปตากแดดก่อน แล้วค่อยนำมาตำ เนื้อข้าวสุกปู่โตท่านทำไว้สองแบบที่กล่าว วิธีสังเกตุเนื้อข้าวสุกที่ตากแดดก่อนนำมาตำ เราจะเห็นท่อนเมล็ดข้าวเล็กๆผสมอยู่ในเนื้อ ส่วนข้าวสุกที่นำมาตำเลยจะไม่เห็นท่อนเมล็ดข้าวเช่นองค์นี้ |
 |
| โดยส่วนตัวผู้เขียนชอบเนื้อพระยุคต้นมากกว่ายุคปลาย ดูหนึกใส นุ่มตาดี พระองค์นี้เป็นฝีมือช่างหลวง เนื้อพระยุคต้นดูง่ายกว่าพระยุคปลายเพราะเก่ากว่า ความแห้งและธรรมชาติต่างๆพระปลอมทำไม่ได้ ยิ่งเป็นพระนอกพิมพ์ยิ่งน่าเก็บ เพราะพวกที่ปลอมพระไม่คุ้มทำแล้วจะไปขายใคร และราคาประหยัดกว่ามาก คือของดีราคาถูก ใครเจออยากได้พระท่านไว้บูชาติดตัวก็รีบเก็บไว้ เริ่มมีคนเข้าใจและตามเก็บอยู่ไม่น้อย อีกไม่นานคงหายากขึ้นทุกวัน |
 |
| วันนี้ดูรูปหล่อหลวงพ่อเงิน มีคนที่แนะนำชี้ตำหนิการดูหลวงพ่อเงินมากมายหลายตำรา แต่สำหรับผู้เขียนใช้วิธีดูง่ายๆ คือดูธรรมชาติ ความเก่าของคราบและโลหะ ที่สำคัญคือทองคำในเนื้อพระ ดูแค่นี้ครับถูกผิดก็แล้วแต่วิธีการของใครถนัดอย่างไร ความเก่ากับธรรมชาติเป็นสิ่งที่ปลอมยากมาก ที่สำคัญพระที่ผู้เขียนได้มา ราคาของปลอมเรียนแบบ ในขณะที่คนทำปลอมคงไม่ลงทุนใส่ทองคำลงไปในเนื้อพระแล้วเอามาขายถูกๆมันไม่คุ้มแน่นอน การหล่อก็ยุ่งยากคิดยังไงก็ไม่คุ้ม มีนักวิชาการหลายท่านบอกว่าปัจจุบันพระแท้เป็นพระปลอม พระปลอมกลับเป็นพระแท้ ซึ่งผู้เขียนก็เห็นด้วย พูดถึงหลวงพ่อเงินเมื่อศึกษาลึกๆแล้ว ก็จะพบว่าท่านสร้างให้ในวังไว้จำนวนไม่น้อย มีมากพิมพ์หลายๆพิมพ์ก็ไม่เป็นที่รู้จักกันในวงการ แต่เป็นพระที่ท่านสร้างไว้ เดิมทีมีบางท่านว่าพระลักษณะนี้หลวงปู่โตท่านเคยทำมาก่อน แล้วหลวงพ่อเงินมาทำที่หลังซึ่งก็เป็นไปได้ แต่อย่าเพิ่งเชื่อทั้งหมดเพราะไม่มีหลักฐานชัดเจนเพียงแต่พบพระลักษณะนี้เป็นเนื้อต่างๆเก่ามาก เช่นเนื้อดิน และเนื้อผงพุทธคุณ เรื่องพระเก่า ยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกมาก ต้องศึกษาหาข้อมูลหลายๆทางครับ แต่ข้อมูลจากหนังสือแผงพระทั่วไปคงไม่ได้อะไรนอกจากข้อมูลเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา ที่เล่ามานี้เป็นการดูพระของผู้เขียนนำมาเล่าสู่กันฟังเท่านั้นครับ |
 |
| ตามซอกโดยเฉพาะแก้มด้านขวาจะเห็นทองคำที่ไม่ละลายปนกับส่วนอื่นๆอย่างชัดเจน ถ้าเป็นพระเก่าหรือพระกรุจำพวกเนื้อโลหะ จะมีทองคำผสมอยู่ทั้งสิ้น แม้แต่ตะกรุดเนื้อชินสมัยอยุธยาก็เจอทองคำผสมอยู่เช่นกัน |
 |
| พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่เนื้อกังไส คำว่ากังไสเป็นชื่อเรียกของถ้วยชามเซลามิคของจีน นัยว่าต้นกำเนิดมาจากตำบลกังไสซึ่งดินตำบลนี้เป็นดินที่คุณภาพดีเหมาะกับการทำเครื่องลวยคราม แต่ดินที่นำมาผสมพระสมเด็จมาจากเมืองอันฮุยประเทศจีน เป็นดินที่นำเข้ามาผลิตถ้วยชามเบญจรงค์ในสมัยรัชกาลที่๔ บางท่านเรียก"ปูนเพชร"แต่ผู้เขียนคิดว่าไม่ใช่ เพราะ"ปูนเพชร"จะผสมทรายละเอียด ซึ่งส่องดูในเนื้อพระไม่เจอจึงคิดว่าน่าจะเป็นดินจากเมืองอันฮุยมากกว่า พระเนื้อนี้บางท่านก็เรียกสมเด็จเจ้ากรมท่า เป็นของดีราคาเบาอีกเช่นกัน ใครเจอที่ไหนราคาไม่แรงก็เก็บมาบูชาได้ เป็นของสมเด็จโตเช่นกันครับ |
 |
| พระทั้งสามองค์นี้เป็นเนื้อว่าน เนื้อหาเหมือนกัน สร้างยุคเดียวกัน องค์กลางสภาพสมบูรณ์แทบไม่ถูกสัมผัสจะเห็นคราบเหมือนองค์ใหญ่ซ้ายมือ ส่วนองค์ขวาสุดปิดทองร่องชาดผ่านการสัมผัสมามากกว่าเนื้อจะดูฉ่ำนุ่ม ทั้งที่เป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด |
 |
| พระองค์นี้เป็นพระเก่า แม่พิมพ์เป็นพิมพ์ประกบ ฝีมืองานช่างหลวงสร้าง ในโอกาสอะไรยังหาข้อมูลไม่ได้ ที่ผ้าทิพย์มีเลข ๙๕ ไทย ตรงฐานล่างใต้ฐานบัวเขียนว่า "มหาลาภ" ส่วนฐานล่างสุดเป็นยันต์ พระองค์นี้จะทันปู่โตหรือไม่ก็ต้องค้นคว้า หาข้อมูลเทียบเคียงกันต่อไป ผู้เขียนเห็นแปลกตาและงามดีเลยนำมาให้ชมกัน |
 |
| พระองค์นี้เป็นพระเก่า เนื้อสัมฤทธิ์ ใต้ฐานอุดผงพุทธคุณและฝังพระสมเด็จไว้ ๕ องค์ ที่สังฆาฏิมีรอยจาร ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง |
 |
| พระองค์นี้ท่านทำให้ในวังเป็นงานฝีมือช่างหลวงแกะพิมพ์ ในสมัยนั้นพระที่ลงชาดจะทำให้เจ้าหรือเชื้อพระวงศ์เท่านั้น |
