วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เบี้ยแก้หลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว การสร้างเบี้ยแก้นั้นได้รับอิทธิพลมาจากพราหมณ์ฮินดู ซึ่งสร้างเบี้ยไว้ป้องกันฟ้าผ่าและกันคุณไสย มนต์ดำต่างๆ เรียกว่า "ภควจั่น" สำหรับคนไทยเรานั้นมีการสร้างเบี้ยมานานแล้ว ไว้สำหรับกันคุณไสย มนต์ดำ แถมด้านคงกระพันและเมตตามหานิยมเพิ่มเข้าไปด้วย ในปัจจุบันเบีัยที่นิยมแสวงหากันมีสองสำนักคือ เบี้ยของหลวงปู่รอดวัดนายโรง และเบี้ยของหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว วันนี้นำเบี้ยเปลือยของหลวงปู่บุญมาให้ชม เบี้ยของท่านส่วนใหญ่จะเป็นเบี้ยที่มีการถักหุ้มตัวเบี้ย เป็นการรักษาตัวเบี้ย และสะดวกกับการใช้งาน เบี้ยที่ไม่ได้ถักจะเรียก "เบี้ยเปลือย" ในปัจจุบันมีจำนวนน้อยหายากกว่า ข้อดีของเบี้ยเปลือยคือ ทำให้เห็นอายุของตะกั่วที่หุ้มเบี้ย และที่สำคัญคือลายมือที่จารอักขระ ถ้าจำลายมือได้ก็จะพิจารณาได้ไม่ยาก เบี้ยตัวนี้เป็นเบี้ยยุคต้นได้ทายางไม้ไว้เป็นการรักษาเบี้ย ถ้าเบี้ยยุคปลายเนื้อตะกั่วจะใกล้เคียงกับเบี้ยของหลวงปู่เพิ่ม แต่ลายมือจะต่างกัน




 

พระสมเด็จพิมพ์พิเศษ (เศียรบาตร) เนื้อผงผสมข้าวสุก ได้ลงพระพิมพ์นี้ติดต่อกันสามเนื้อ คือเนื้อหินเขียว เนื้อว่าน และเนื้อผงผสมข้าวสุก สำหรับพระเนื้อผงนี้ถ้าทางสายกลุ่มเล่นพระสมเด็จกรุวัดยางเห็น ก็ต้องตีเป็นของกรุวัดยาง ซึ่งผมไม่มีข้อมูลของพระกรุนี้ แต่ข้อมูลที่คันได้ พระชุดนี้เป็นของวังหน้า จะเกี่ยวโยงกับกรุวัดยางหรือ มีผู้นำไปบรรจุไว้หรือไม่ ผมไม่มีฃ้อมูล ในสมัยนั้นพระที่ปิดทองร่องชาด จะทำให้เฉพาะราชสำนักเท่านั้น เพราะฉะนั้นพระชุดนี้น่าจะทำให้ราขสำนัก หรือราชสำนักเป็นผู้ทำ ตามที่ได้ค้นข้อมูลมา.






 

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2563

พระสมเด็จพิมพ์พิเศษ(เศียรบาตร) เนื้อหินเขียว พระเนื้อนี้พบเจอน้อยมากคนส่วนใหญ่จึงไม่รู้จัก จะขอคัดลอกบทความบางส่วนที่เป็นข้อมูล เรื่องพระหินเขียวมาให้อ่านจากหนังสือ "พระสมเด็จวังหน้า และ หลวงพ่อเงินฯพิมพ์ช่างหลวง" เขียนโดย "มัตตัญญู" กล่าวว่า "พระสมเด็จเขียว (หลักฐานจากคำจารึกหลังพระสมเด็จ) ปี ร.ศ. ๗๗ (๒๔๐๑) ได้หินเขียวที่นำมาจากลังกา เมื่อท่านเจ้าประคุณฯได้รับมา จึงได้สร้างพระสมเด็จพิมพ์พิเศษ สี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเขื่อง เพื่อจารึกด้านหลังในความเป็นมา โดยระบุว่า "สร้างเป็นพระสี่เหลี่ยมผืนผ้าเพื่อเป็นศิริมงคล" "พระชุดนี้สมัยนั้นเรียกสมญาณามว่า พระหมอ นัยว่าทำน้ำมนต์รักษาโรคได้ผลดีนัก" ขอคัดมาบางส่วนเท่านั้น พอสรุปได้ว่า หินเขียวนี้ได้มาจากประเทศลังกา ในสมัยรัชกาลที่๒ เมื่อปี พ.ศ.๒๓๕๗ ตอนส่งพระธรรมทูตไปลังกาแปดรูป แล้วอัญเชิญพระศรีมหาโพธิมาหกต้น และยังได้ไม้โพธิ์ต้นหน่อเนื้อจากต้นที่พระพุทธองค์ตรัสรู้มาด้วย ไม้โพธิ์นี้บางส่วนท่านสมเด็จโตได้นำมาบดเป็นมวลสาร ใส่ในพระของท่านด้วย ที่เราเรียกว่าเป็น "ไม้ไก่กุก" นั้นไม่ใช่ ความจริงคือเศษไม้โพธิ์จากต้นโพธิ์ที่กล่าวมา ส่วนท่านสมเด็จโตได้หินเขียวและไม้โพธิ์มาอย่างไรนั้น ไม่มีในบันทึก.