วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560
พระรอดแห่งเมืองหริภุญไชย (ลำพูน) เป็นพระที่มีอายุเก่าที่สุดในชุดเบญจภาคี คือมีอายุประมาณ 1,200 -1,300 ปี สร้างโดยพระนางจามเทวี เป็นพระเนื้อดินเผาขนาดเล็กศิลปะแบบผสมระหว่างทวาราวดี/ลพบุรี/ลังกาที่งดงามมาก เป็นงานศิลปนูนต่ำ ช่างบางคนเรียกงานปั้นแปะหมายถึงตอนตกแต่งลายละเอียดบางส่วน จะปั้นดินแล้วบีบให้เป็นรูปทรงที่ต้องการ แล้วแปะลงไป เนื้อพระรอดแยกได้ 2 ประเภทคือเนื้อดินดิบและดินเผา เนื้อดินดิบคือทำจากดินศิลาธิคุณ ซึ่งเนื้อใกล้เคียงพระสมเด็จมาก ส่วนเนื้อดินเผาจะใช้ดินเหนียวผสมว่านและมวลสารต่างๆแล้วนำไปเผา ซึ่งจะได้พระรอดสีต่างกันตามความร้อนขณะที่เผา เรื่องของพระรอดมีรายละเอียดปลีกย่อยมากน่าศึกษา
วันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2560
วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560
วันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2560
วันเสาร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2560
วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2560
พระสมเด็จวัดเกศ๗ชั้นยุคต้น เนื้อดินผสมผง พระของท่านมีชั้นฐานที่ต่างกัน ซึ่งแฝงไว้ด้วยความหมายหรือคติธรรม เช่น ๓ชั้นหมายถึงไตรลักษณ์ ๕ชั้นหมายถึงขันษ์๕ ๗ชั้นหมายถึงโพชฌงค์๗ คือธรรมที่เป็นองค์แห่งการตรัสรู้มี๗อย่างคือ ๑.สติ ๒.ธัมมวิจยะ ๓.วิริย ๔.ปิติ ๕.ปัสสัทธิ (ความสงบกายใจ) ๖.สมาธิ ๗.อุเบกขา สิ่งที่ท่านทำไว้แฝงซึ่งคำสอนทั้งสิ้น
วันพฤหัสบดีที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2560
วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560
วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560
พระพิมพ์ปรกโพธิ์ ๗-๘ เนื้อผงถ่านแม่พิมพ์(วัดระฆัง) สร้างประมาณปี พ.ศ.๒๓๘๗-๒๓๙๐ หลวงสิทธิ์เป็นผู้แกะแม่พิมพ์ ถวาย ถ้าเป็นพระพิมพ์ปรกโพธิ์ของหลวงสิทธิ์ ส่วนใหญ่จะแกะพระบาทด้านซ้ายขององค์พระตกลงมาข้างหนึ่งเสมอ ให้ลองสังเกตดู ส่วนใบโพธิ์ท่านสมเด็จฯโตจะเพิ่มขึ้นครั้งละ ๑ ใบในครั้งถัดไปเช่น ครั้งนี้ทำใบโพธิ์ ๗ใบหนึ่งข้าง ๘ ใบหนึ่งข้าง ครั้งหน้าถ้าทำพระปรกโพธิ์อีกท่านก็จะทำใบโพธิ์ข้างละ ๘ ใบเรียกว่าโพธิ์๘ ผงทำพระปรกโพธิ์ท่านจะแยกไว้สำหรับทำพระปรกโพธิ์อย่างเดียวไม่นำไปปนกับการสร้างพิมพ์อื่น (หลวงปู่คำบันทึกไว้) ส่วนเนื้อผงถ่านท่านจะเอาแม่พิมพ์ไม้ที่ชำรุดแตกหักให้ตาอ้นนำไปเผา แล้วมาบดเป็นให้ผงเพื่อเป็นส่วนผสมในพระของท่าน สำหรับพระองค์นี้ใช้เนื้อผงถ่านเป็นหลัก คือใส่เป็นจำนวนมากเป็นเนื้อพื้น ชาวบ้านยุคนั้นมักเรียกพระพิมพ์นี้ว่า "พระเทพดำ" เพราะขณะนั้นท่านครองสมณศักดิ์เป็น พระเทพกวีศรีวิสุทธินายก ยังไม่ได้เป็นสมเด็จฯ
วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560
ขอพูดถึงพระพิมพ์ทรงเทวดา พระพิมพ์นี้มีหลายท่านไม่รู้จัก หลวงปู่คำเล่าว่าท่านทำพระพิมพ์นี้อุทิศให้กับโยมบิดาท่าน แล้วทำไมต้องเป็นพิมพ์เทวดา? คำนี้มาจากพระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่แบบเทวดา ซึ่งเกี่ยวโยงกับความเชื่อลักขณสูตรในสุตตันตปิฏกทีฆนิกายปาฏิกวรรค ระบุว่า "มหาบุรุษลักษณะ32ประการ" จะปรากฏเฉพาะพระมหาจักรพรรดิและพระพุทธเจ้าเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงเกิดพระพุทธรูปทรงเครื่องแบบไทยตามคตินิยม คือพระพุทธรูปทรงเครื่องแบบจักรพรรดิ ที่เห็นชัดเจนและมีอิทธิพลเชิงช่างมาถึงรัตนโกสินทร์ฯ คือพระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยอยุธยา หรืออีกความเชื่อหนึ่งที่ว่า พระมหากษัตริย์เปรียบดั่งเทพที่ลงมาจุติก็เป็นได้อีกเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้เกิดพระพุทธรูปทรงเครื่องแบบเทวดานี้ ก็พออนุมานได้ว่า บิดาของท่านสมเด็จโตคงไม่ใช่สามัญชนเป็นแน่
วันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2560
วันนี้ขอพูดถึงพระสมเด็จพิมพ์เจดีย์แบบดั่งเดิม ซึ่งหลวงปู่คำได้บันทึกไว้ พระพิมพ์เจดีย์ที่นำมาให้ชมในวันนี้น่าจะเป็นต้นแบบของพิมพ์เจดีย์ต่อๆมา (เฉพาะรูปทรงนี้) ซี่งได้พัฒนามาอีกหลายแม่พิมพ์ ในขั้นต้นท่านทำไว้๓แบบ เป็นพิมพ์ใหญ่สองพิมพ์ แกะแม่พิมพ์โดยช่างบ้านช่างหล่อ และพิมพ์เล็ก๑พิมพ์ แกะแม่พิมพ์โดยช่างหมู่บ้านลานมะเกลือ ท่านทำไว้เมื่อปี พ.ศ.๒๓๙๓ (ขณะนั้นท่านครองสมณศักดิ์เป็นพระเทพกวีศรีวิสุทธินายก) เพื่อบรรจุไว้ที่วัดลครทำและทำอีกครั้งแจกที่วัดบางขุนพรหมนอกหรือวัดอินทรวิหารในปัจจุบัน หลวงปู่คำได้บันทึกไว้ประมาณนี้ แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะทำมากกว่า๒ครั้งที่กล่าว เพราะเห็นว่าในกรุวัดสะตือก็พบพระพิมพ์นี้ แต่ผมยังไม่ได้ดูรายละเอียดว่าเป็นแม่พิมพ์ชุดเดียวกันกับของวัดลครทำหรือไม่ ส่วนพิมพ์ทรงเจดีย์ที่เราเรียกกันในปัจจุบันนั้น มาตั้งกันภายหลัง แต่เดิมพระพิมพ์ทรงเจดีย์ที่เรียกในปัจจุบัน ยุคของท่านสมเด็จโตจะเรียก"พิมพ์พระประธาน"ตามบันทึกที่เรียกชื่อพระของหลวงปู่คำ จึงนำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อข้อมูลเหล่านี้จะได้ไม่เลือนหายไปกับกาลเวลา ส่วนเราคนปัจจุบันก็เรียกตามปัจจุบันที่สังคมส่วนรวมเข้าใจ ไม่เช่นนั้นจะสับสนเวลาสื่อสารกับผู้อื่นครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)