วันอังคารที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2566
วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2566
วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2566
วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2566
วันพุธที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2566
วันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2566
วันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2566
นำพระสมเด็จวัดระฆังมาให้ชมสององค์ เป็นพิมพ์ปรกโพธ์ และพิมพ์ใหญ่ ทั้งสององค์เป็นเนื้อผงถ่านแม่พิมพ์ ผสมผงใบลาน พระเนื้อถ่านแม่พิมพ์มักจะละเอียดแน่นดำผิวเป็นมัน ส่วนพระเนื้อผงใบลานผิวจะไม่ค่อยมัน แต่จะมีไข สำหรับพระทั้งสององค์นี้ผิวละเอียดมัน และมีไขเล็กน้อยแสดงว่าเนื้อพื้นเป็นเนื้อถ่านแม่พิมพ์ และมีส่วนผสมของใบลานอยู่เล็กน้อยจึงเกิดไขตามผิวแต่ไม่มาก
วันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2566
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ยุคกลาง โบราณเรียกพิมพ์ชายจีวรหนา ที่ข้อศอกด้านซ้ายขององค์พระมีเส้นจีวรติดกับหัวเข่าหนามาก เส้นซุ้มผ่าหวายใหญ่ องค์พระล่ำสันลักษณะเป็นศิลปของพระพุทธรูปสุโขทัยหมวดวัดตะกวน ซึ่งเป็นสุโขทัยยุคต้นที่ยังมีศิลปเชียงแสนผสมอยู่ ใบหน้าจะแป้นกลมไม่เป็นรูปไข่ เหมือนสุโขทัยหมวดใหญ่ เนื้อพระเป็นเนื้อดินสอเหลือง หรือดินโป่งเหลือง ที่พิเศษคือมีก้อนศิลาให้เห็นทั่วองค์.
วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2566
วันนี้ขอเขียนเรื่อง กำเนิดพระกริ่งในสยาม เท่าที่ศึกษาและเป็นความเข้าใจส่วนตัว จากหนังสือ "ช่างสิบหมู่" ของกรมศิลปากร หน้า ๒๓ ได้กล่าวไว้ว่า "เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยา ช่างฝีมือได้สูญไปมาก หลังจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์แล้ว ได้ทรงทำนุบำรุงวิชาช่างไทยขึ้นใหม่ให้เจริญรุ่งเรืองเหมือนเมื่อครั้งที่บ้านเมืองยังดีอีกครั้ง" ซึ่งหมายความว่าเราต้องมาเริ่มต้นรวบรวมช่างที่มีฝีมือดีขึ้นใหม่ จนถึงรัชกาลที่ ๓ ซึ่งมีการค้ากับจีนเจริญรุ่งเรือง ยุคนี้เริ่มมีการสร้าง พระพุทธรูปปางต่างๆเกิดขึ้นมากมาย และคงเริ่มมีการสร้างพระกริ่งเกิดขึ้นในยุคนี้ โดยเริ่มแรกเป็นการออกแบบ แล้วส่งให้จีนปั้นขึ้นรูปแล้วหล่อเป็นองค์พระส่งกลับมา เนื่องจากเราคงยังขาดช่างที่ชำนาญการหล่อพระกริ่งในช่วงเวลานั้น หลังจากนั้นช่างสิบหมู่เริ่มมีการหล่อพระกริ่งขึ้นเอง โดยใช้สูตรผสมสัมฤทธิ์ตามตำราโบราณ มาสร้างช่วงปลายรัชกาลที่ ๓ จนเข้าสมัยรัชกาลที่ ๔ ปี พ.ศ. ๒๓๙๔ เราเริ่มมีความชำนาญในการสร้างพระกริ่งจึงงดสั่งจากจีนอีก แล้วเริ่มสร้างเองเป็นพระกริ่งไทยเต็มรูปแบบ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งเนื้อ และพิมพ์ทรง จนมาเป็นพระกริ่งปวเรศที่เราสะสมกันอยู่ และเป็นต้นแบบของพระกริ่งปัจจุบัน พระกริ่งปวเรศบางพิมพ์ก็ได้แรงบันดาลใจจากพระกริ่งจีน เช่นพิมพ์ห่มคลุมและการตอกลายดอกจีวรเป็นต้น สำหรับพระกริ่งที่ลงในวันนี้ เป็นพระกริ่งยุคต้นที่สั่งเข้ามาจากจีน.
วันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2566
วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2566
วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2566
พระผงกรุวัดสามปลื้ม พิมพ์กลีบบัว วัดสามปลื้มนี้เป็นวัดเก่าสร้างไว้ตั้งแต่สมัยอยุธยา มาเปลี่ยนชื่อเป็น วัดจักรวรรดิราชาวาสมหาวิหาร ในสมัยรัชกาลที่๒ พระกรุนี้เจอตอนรื้อถอนพระเจดีย์เก่าหลายองค์เพื่อขยายเนื้อที่ของวัด ได้พบพระที่บรรจุไว้ในเจดีย์หลายองค์ และหลายอย่าง มีอยู่เจดีย์หนึ่งที่บรรจุพระผงสีขาวเอาไว้ ซึ่งต่อมาได้เรียกพระกรุนี้ว่า "พระวัดสามปลื้ม" มีประสบการณ์จากผู้ที่แขวนติดตัว ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองมากมาย โดยเฉพาะเรื่องแคล้วคลาดคงกระพัน จึงเป็นที่นิยมเสาะหาของคนรุ่นนั้นมาก ซึ่งเป็นพระที่หายากในสมัยนั้น แต่ในปัจจุบันมีคนที่รู้จักน้อยลง ค่านิยมเปลี่ยนไป วันนี้จึงนำมาให้ชมกันลืม.
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่อกผาย พระองค์นี้เป็นพระเนื้อปูนสุกผสมปูนดิบ ปิดทองล่องชาดมาแต่เดิม ถึงปัจจุบัน ชาดได้หลุดล่อนไปตามกาลเวลา พระที่ปิดทองล่องชาดนี้ จะทำให้สำหรับเจ้านายในวัง หรือบุคคลชั้นสูงเท่านั้น (ในสมัยนั้น) ถ้าเป็นบุคคลธรรมดาทั่วไปจะใช้รักดำ หรือรักน้ำเกลี้ยงแทน พระองค์นี้ปัจจุบันไม่ได้อยู่กับผู้เขียนแล้ว เห็นว่าเป็นพระที่งามดี และน่าสนใจ เลยนำมาให้ชมกันครับ.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)