วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2560
วันเสาร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2560
วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2560
วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2560
วันอังคารที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2560
พระสมเด็จวัดระฆังยุคต้นนั้น มีหลากหลายแบบตั้งแต่ฝีมือช่างชาวบ้าน ช่างสิบหมู่ และล้อพิมพ์โบราณ พระเหล่านี้เป็นพระที่ไม่นิยมหรือนอกตาเซียน แต่ถ้าพูดถึงคุณค่าแล้วน่าเก็บมาก เพราะมีอายุแก่กว่าพิมพ์นิยมหลายปี จำนวนสร้างน้อยกว่า ปัจจุบันจึงหายากกว่า ถ้าเราไม่ติดเรื่องเชิงพาณิชย์ก็อยากแนะนำให้หาเก็บไว้ เพราะเป็นของดีราคาประหยัดและโอกาสเจอของปลอมมีน้อยครับ
วันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2560
วันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2560
พระสมเด็จนั้นแบ่งออกได้เป็น๓ยุคคือ ยุคต้น ยุคกลาง และยุคปลาย พระยุคต้นนั้นส่วนใหญ่เป็นแม่พิมพ์ชาวบ้าน แม่พิมพ์แกะจากไม้ซึ่งแม่พิมพ์มักไม่สวยงาม ความงามเชิงศิลปะยังไม่ค่อยลงตัวนัก มีช่างหลวงแกะแม่พิมพ์ให้จำนวนหนึ่ง เนื้อพระมีหลายเนื้อแต่ที่พบส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อแก่ข้าวสุกใช้น้ำอ้อยเคี่ยว น้ำผึ้งและยางไม้เป็นตัวประสานเนื้อพระ พระยุคกลางเริ่มมีช่างหลวงมาแกะแม่พิมพ์ให้มากขึ้นช่างชาวบ้านเริ่มหมดไป เริ่มใช้ปูนเปลือกหอยมากขึ้นผิวพระมักแตกรานเพราะยังใช้น้ำอ้อยเตี่ยว น้ำผึ้ง ยางไม้กล้วยน้ำไทเป็นตัวประสานหลักซึ่งบางครั้งที่เราส่องเห็นเม็ดดำอมน้ำตาลนั่นคือเมล็ดกล้วย แต่พระยุคปลายจะไม่มีหรือมีก็น้อยมาก พระยุคปลายเป็นพระฝีมือช่างหลวงแทบทั้งสิ้น พิมพ์ทรงสวยงามเนื้อพระแทบไม่แตกรานหรือแตกรานก็น้อยเพราะใช้น้ำมันตังอิ๊วเป็นตัวประสานเนื้อพระ ใช้ปูนเปลือกหอยมากขึ้นมีทั้งเปลือกหอยดิบและเปลือกหอยสุกเปลือกหอยดิบจะมีสีน้ำตาลอมเหลือง ส่วนเปลือกหอยสุกจะมีสีขาวอมเหลือง ถ้าใส่น้ำมันตังอิ๊วน้อยเนื้อจะหนึกแกร่ง ถ้าใส่ตังอิ๊วมากเนื้อจะหนึกนุ่ม ซึ่งพระยุคปลายคือพิมพ์นิยมที่เล่นหากันในปัจจุบัน
วันเสาร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2560
วันนี้ขอลงเรื่องหลวงปู่ทวด พระหลวงปู่ทวดนั้นที่พบเจอ มีสร้างมาตั้งแต่สมัยร.๔แล้ว และหลวงปู่ทวดนั้นมีตัวตนอยู่จริง ท่านเกิดวันศุกร์ เดือนสี่ ปีมะโรง พ.ศ.๒๑๒๕ (ตรงกับรัชสมัยของพระมหาธรมราชา แห่งกรุงศรีอยุธยา) ณ หมู่บ้านสวนจันทร์ ต.ชุมพล เมืองจะทิ้งพระ นามเดิมท่านชื่อ"ปู" อายุ ๑๕ ปี ท่านบรรชาเป็นสามเณร ได้ไปศึกษาที่วัดสีหยัง (สีคูยัง) ครั้นอายุครบอุปสมบทจึงได้เดินทางไปศึกษาต่อที่นครศรีธรรมราช และได้ทำการอุปสมบทมีฉายาว่า "ราโม ธมมิโก" แต่คนทั่วไปเรียกท่านว่า "เจ้าสามีราม" หรือ "เจ้าสามีราโม" หลังจากนั้นท่านได้เดินทางมายังกรุงศรีอยุธยา ได้พำนักศึกษาธรรมและภาษาบาลีที่วัดของสมเด็จพระสังฆราช จนเชี่ยวชาญแล้ว จึงทูลลาสมเด็จพระสังฆราช ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดราชานุวาส ช่วงนั้นอยู่ในช่วงแผ่นดินของสมเด็จพระเอกาทศรถ ทั้งประชาชนและพระเจ้าอยู่หัวต่างก็นับถือท่านอย่างมาก มีครั้งหนึ่งเกิดโรคห่าระบาดหนักทั่วเมือง ประชาชนล้มป่วยเจ็บตายจำนวนมาก พระเจ้าอยู่หัวทรงพระวิตกกังวลมากจึงมีรับสั่งให้อำมาตย์ ไปนิมนต์ท่านเจ้าเฝ้า ท่านได้ทำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมแก่ประชาชนทั่วทั้งพระนคร โรคห่าก็หายขาด (เรื่องนี้คล้ายกับการเกิดโรคห่าระบาดในสมัยร.๕) ด้วยอำนาจคุณความดีของท่าน ทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงเลื่อนสมณศักดิ์ท่านขึ้นเป็นพระสังฆราชมีนามว่า "พระสังฆราชคูรูปาจารย์" ท่านอยู่ที่กรุงศรีอยุธาหลายปีแล้วได้เดินทางกลับมาอยู่ภูมิลำเนาเดิมจนท่านละสังขาร ในวันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ.๒๒๒๕ สิริอายุได้ ๑๐๐ ปี ตรงกับปลายรัชกาลของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ท่านอยู่ในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวถึง ๑๑ พระองค์ ส่วนพระที่ลงในวันนี้เป็นพระที่สร้างในสมัยร.๔ ที่ลงไว้นี้เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น ที่พบเจอมีมากแบบและมากเนื้อกว่านี้ แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ทราบ จะเข้าใจว่าพระหลวงปู่ทวดรุ่นแรกที่สร้างคือปีพ.ศ.๒๔๙๗เท่านั้น อันนี้ก็แล้วแต่ผู้ที่สะสม มีคนกลุ่มเล็กๆที่ศึกษาและเข้าใจตามเก็บพระชุดนี้อยู่เงียบๆ
วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2560
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ท่านเกิดวันพฤหัส ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๕ ปีวอก จ.ศ. ๑๑๕๐ ตรงกับวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๓๓๑ ในวันที่ ๑๗ เมษายน ของทุกปีจึงเป็นวันคล้ายวันเกิดท่าน ถ้าท่านมีชีวิตอยู่ถึงปัจจุบัน ท่านจะมีอายุขณะนี้ ๒๒๙ ปี วันนี้จึงถือโอกาสนำรูปเหมือนของท่านมาลงให้ชม เป็นรูปหล่อรอยองค์เนื้อสัมฤทธิ์หน้าตัก ๕ นิ้ว ใต้ฐานติดผนึกพระสมเด็จไว้ ๕ องค์ มีรอยจารลงบนสังฆาฏิตลอด หน้าจรดหลัง
วันเสาร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2560
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)