พระกรุวัดเกศไชโยท่านได้ทำบรรจุไว้ประมาณปี พ.ศ.๒๔๐๐ และแตกกรุเมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๐ โดยองค์พระหลวงพ่อโตได้พังทลายลงมาเนื่องจากองค์ท่านมีขนาดใหญ่โตมากและโครงสร้างไม่แข็งแรงพอ จึงทำให้พระกรุวัดเกศแตกกรุ
ออกมาเป็นครั้งแรก ท่านสมเด็จโตได้ไปบูรณะขึ้นใหม่และได้ทำพระสมเด็จนำไปบรรจุอีกครั้งเพือให้ครบ ๘๔,๐๐๐ องค์ หลังจากที่มีพระที่ชำรุดเสียหายและมีชาวบ้านนำไปบูชา หลังจากนั้นแตกกรุครั้งที่ ๒ ปีพ.ศ. ๒๔๒๙ เนื่องจาก
ท่านเจ้าพระยารัตนบดินทร์ได้ทำการปฏิสังขรณ์วัดไชโย จากแรงสะเทือนทำให้องค์หลวงพ่อโตได้พังทลายลงมาอีกครั้ง พระวัดเกศจึงแตกกรุออกมาเป็นครั้งที่ ๒ ห่างจากครั้งแรก ๑๙ ปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้แต่งตั้งให้พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการเป็นแม่กองงานจัดสร้างขึ้นใหม่ โดยย่อขนาดให้เล็กลงและทำโครงสร้างให้แข็งแรง หลังจากสร้างเสร็จแล้วได้นำพระสมเด็จที่เหลือบรรจุเก็บไว้ภายในดังเดิม และพระราชทานนามองค์หลวงพ่อโตว่า "พระมหาพุทธพิมพ์" และทรงรับวัดไชโยไว้เป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรวิหาร หลังจากแตกกรุ ๒ ครั้งแล้วยังกล่าวกันว่าได้มีการลักลอบแอบเอาออกมาอีกหลายครั้ง
โดยเฉพาะช่วงที่ไทยมีกรณีพิพาทกับฝรั่งเศษ และในระหว่างสงครามโลกที่เกิดขึ้นทั้ง ๒ ครั้ง |