วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2565

พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ เนื้อผงถ่านผสมผงใบลาน พระองค์นี้เป็นพระยุคปลาย มีหลายท่านยังแยกระหว่างเนื้อผงถ่าน กับเนื้อผงใบลานดิบไม่ออก เนื้อผงถ่านคือการเอาแม่พิมพ์ไม้ที่ชำรุดไปเผาเป็นถ่าน เหตุที่ท่านสมเด็จโตไม่เอาแม่พิมพ์ที่เสียหายไปทิ้ง โดยส่วนตัวคิดว่ามีอยู่ ๒ สาเหตุคือ ๑.มีรูปพระพุทธอยู่ในแม่พิมพ์ และ ๒.ก่อนจะกดพิมพ์พระ ท่านสมเด็จโตจะเบิกเนตรแม่พิมพ์ก่อนทุกครั้ง เหมือนท่านปลุกเสกแม่พิมพ์ไว้แล้ว แม่พิมพ์พระของท่านจึงศักดิ์สิทธิ์ ตามที่มีเรื่องเล่าว่าตาอ้น (คนที่หลวงปู่มอบหน้าที่นำแม่พิมพ์ไปเผา) โดนฟันไม่เข้าเพราะมีเศษแม่พิมพ์พกติดตัว พระเนื้อผงถ่านล้วน หรือใช้ผงถ่านเป็นเนื้อพื้นเมื่อทำเสร็จแล้ว ผิวจะดำมัน เนื้อละเอียดมีน้ำหนักมากกว่าพระเนื้อผงใบลาน และจะไม่มีไขบนองค์พระ ส่วนพระผงใบลานดิบ คือเอาคำภีร์ใบลานที่ชำรุดไปเผาไฟพอเกรียม แล้วดับเรียก "ผงใบลานดิบ" เมื่อเอามาสร้างพระเนื้อพระจะออกสีน้ำตาลเข้มมีไขขึ้นที่องค์พระ ส่วนใบลานที่เผ่าจนไหม้หมด แล้วนำมาตำเอามาสร้างพระเรียก "ผงใบลานสุก" เนื้อพระจะออกสีเทาๆ พระเนื้อผงใบลานจะมีน้ำหนักเบากว่าพระเนื้อผงถ่านล้วน แต่ถ้าเอาเนื้อผงถ่านเป็นเนื้อพื้น แล้วใส่ผงใบลานไปด้วย เนื้อพระจะเป็นสีดำมัน และจะมีไขบนองค์พระด้วย แบบองค์ที่ลงให้ชมในวันนี้ ใส่ผงใบลานมากก็จะมีไขมากตามสัดส่วนที่ใส่ จะไม่มีอะไรตายตัว สำหรับสีของพระก็เช่นกัน จะไม่ตายตัวเสมอไปขึ้นอยู่กับว่า เนื้อในครกนั้นใส่อะไรมากน้อย แต่หลักในการสังเกตก็จะเป็นไปตามที่ได้อธิบายไว้.








 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น